Crime Suppression Divisionกองปราบรวบหนุ่มตุ๋นเหยื่อ ทำธุรกิจทัวร์ รับเช่ารถ เสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท

Crime Suppression Divisionกองปราบรวบหนุ่มตุ๋นเหยื่อ ทำธุรกิจทัวร์ รับเช่ารถ เสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท

กองบังคับการปราบปรามโดยการอำนวยการสั่งการของพล.ต.ต.สุวัฒน์แสงนุ่มผบก.ป., พ.ต.อ.สรรมั่นเมืองรยารองผบก.ป., พ.ต.อ.เนติวงษ์กุหลาบผกก.5 บก.ป., พ.ต.ท.สุพจน์พุ่มแหยมรองผกก.5 บก.ป., พ.ต.ท.ธนวัฒน์หิ้นยกฮิ่นรองผกก.5 บก.ป., พ.ต.ท.ภูวนนท์สมัครไทยรองผกก.5 บก.ป., พ.ต.ท.อนุชาศรีสำโรงรองผกก.5 บก.ป. 

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมนำโดยพ.ต.ท.นิธิตรีสุวรรณสว.กก.5 บก.ป. พร้อมร.ต.อ.ศุภเดชธนชัยศิริ,                      ว่าที่ ร.ต.อ.วชิรเชษฐ์ อัครธีระพงศ์ รอง สว.กก.5 บก.ป., ด.ต.พงษ์ธร สุขเกษม, ด.ต.สมบัติ สองธานี, ด.ต.วิรัช ภะวังคะพินธุ์, ส.ต.ท.ณัฐพงษ์ จันทร์ทอง, ส.ต.ท.ภาคภูมิ อินทร์พรหม, ส.ต.ท.ณัฐดนัย ภาลา และ ส.ต.ท.สิทธิชัย ทวีโภค ผบ.หมู่.กก.5 บก.ป.

ร่วมกันจับกุมนายวีรยศ (สงวนนามสกุล) อายุ 32 ปีซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนฉ้อโกงประชาชน”ตามหมายจับศาลอาญามีนบุรีที่จ.690/2563 ลงวันที่ 15 กันยายน 2563

สถานที่จับกุมบริเวณหน้าร้านขายของชำใกล้กับสี่แยกราหุลหมู่ 4 ถนนหนองบัวชัยภูมิ                      ตำบลซับสมอทอด อำเภอบึงสามพัน จังหวัดเพชรบูรณ์

พฤติการณ์ก่อนเกิดเหตุประมาณเดือนมิถุนายน 2563 นายวีรยศฯ (ผู้ต้องหา) ได้เปิดบัญชีเฟซบุ๊กและตั้งกลุ่มไลน์ชื่อ “เทวดาพาทัวร์” โพสต์ข้อความเชิญชวนให้บุคคลทั่วไปเข้าร่วมทำธุรกิจทัวร์โดยแจ้งว่าจะมีงานวิ่งรถรับจ้างรับลูกค้าจำนวนมากหากใครสนใจให้โอนเงินค่ามัดจำงานละ 1,500 หลังจากเสร็จงานผู้ต้องหาจะโอนค่าจ้างและเงินค่ามัดจำคืนให้โดยในช่วงแรกผู้ต้องหาจะสร้างตัวละครเป็นลูกค้าของบริษัททัวร์ให้ผู้เสียหายไปรับลูกค้าจากจุดหนึ่งไปส่งอีกจุดหนึ่งเพื่อสร้างเครดิตให้กับผู้ต้องหาว่ามีลูกค้าจริงจนมีผู้เสียหายหลงเชื่อจำนวนมากโอนเงินค่ามัดจำงานวันละ 5-10 งาน/คนหรือประมาณ 7,500-25,000 บาท/คนแต่ปรากฎภายหลังว่าไม่มีงานตามที่แจ้งกลุ่มผู้เสียหายจึงได้ทวงเงินค่ามัดจำคืนกับทางผู้ต้องหาแต่ถูกผู้ต้องหาบ่ายเบี่ยงและไม่ยอมจ่ายคืน

ต่อมาผู้ต้องหาได้ออกอุบายใหม่โดยใช้เฟซบุ๊กและกลุ่มไลน์ดังกล่าวโพสต์เชิญชวนบุคคลทั่วไปให้เข้าร่วมธุรกิจรถเช่าโดยให้บุคคลทั่วไปนำรถยนต์ของตนเองมาให้ผู้ต้องหาเช่าและผู้ต้องหาจะนำไปปล่อยให้ลูกค้าเช่าต่ออีกทอดหนึ่งโดยตกลงจ่ายค่าเช่าเป็นรายเดือนในช่วง 1-2 เดือนแรกผู้ต้องหาจะจ่ายค่าเช่าให้แก่ผู้เสียหายตรงตามเวลาที่กำหนดแต่ในระยะหลังจะจ่ายช้าและบ่ายเบี่ยงเมื่อผู้เสียหายทวงถามผู้ต้องหาก็ปิดเฟซบุ๊กและกลุ่มไลน์ดังกล่าวซึ่งหลังจากนั้นผู้ต้องหาได้นำรถยนต์ของผู้เสียหายไปประกาศขายเป็นรถยนต์มือสองตามเว็บไซต์ต่างๆ (มูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท)

นอกจากนี้จากการสืบสวนยังพบว่าผู้ต้องหายังมีพฤติการณ์ให้บุคคลอื่นนำรถยนต์ของผู้เสียหายที่หลอกลวงมาได้นั้นไปขายต่อในราคา 50,000-300,000 บาทโดยก่อนที่จะขายนั้นผู้ต้องหาจะนำรถยนต์ไปติดเครื่องติดตามตัว (GPS) จากนั้นเมื่อผู้ซื้อรับรถไปผู้ต้องหาจะตามไปที่รถยนต์คันดังกล่าวแล้วจะแอบอ้างว่าเป็นตำรวจหรือทหารมายึดรถยนต์คืนจากผู้ซื้อโดยอ้างว่าเป็นรถยนต์หลุดจำนำหรือเป็นรถยนต์หนีไฟแนนซ์พร้อมกับเรียกรับเงินจำนวนหลายแสนบาทเป็นค่าดำเนินการเพื่อไม่ให้ถูกดำเนินคดีในการซื้อรถยนต์ผิดกฎหมาย 

อีกทั้งยังพบว่าผู้ต้องหารายนี้ยังหลบหนีหมายจับอีกจำนวน 8 หมายจับดังนี้

1. หมายจับศาลจังหวัดสีคิ้วที่  17/2563 ลงวันที่ 7 เมษายน 2563 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ลักทรัพย์, ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน, ลักทรัพย์โดยมีอาวุธหรือร่วมกระทำความผิดกันตั้งแต่สองคน”

2. หมายจับศาลแขวงพัทยาที่ 117/2563 ลงวันที่ 5 สิงหาคม 2563 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ยักยอก”

3. หมายจับศาลอาญาพระโขนงที่จ.331/2563 ลงวันที่ 14 พฤษภาคม 2563 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ร่วมกันยักยอกทรัพย์”

4. หมายจับศาลจังหวัดสมุทรสงครามที่ 35/2563 ลงวันที่ 14 พฤษภาคม 2563 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ลักทรัพย์โดยแต่งเครื่องแบบทหารตำรวจมีปืนหรือยานพาหนะฯ”

5. หมายจับศาลแขวงราชบุรีที่  40/2563 ลงวันที่ 10 เมษายน 2563 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ร่วมกันยักยอกทรัพย์”

6. หมายจับศาลอาญาที่  431/2563 ลงวันที่ 9 กันยายน 2563 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ปลอมแปลงเอกสาร ไม่มีสิทธิที่จะสวมเครื่องแบบและประดับเครื่องหมายของเจ้าพนักงานและไม่มีสิทธิใช้ยศ ตำแหน่ง กระทำการเช่นนั้นเพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนมีสิทธิ”

7.หมายจับศาลอาญาที่  910/2563 ลงวันที่ 24  มิถุนายน 2563 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ปลอมเอกสารราชการ”

8. หมายจับศาลแขวงพัทยาที่ 99/2563 ลงวันที่ 26 พฤษภาคม 2563 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ยักยอก”

จนกระทั่งวันที่ 9 ธันวาคม 2563 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่าผู้ต้องหาจะไปยึดรถคืนจากผู้ซื้อรถที่บริเวณหมู่ 4 ถนนหนองบัวชัยภูมิ ตำบลซับสมอทอด อำเภอบึงสามพัน จังหวัดเพชรบูรณ์ จึงได้ลงพื้นที่เพื่อทำการตรวจสอบ เมื่อพบผู้ต้องหาอยู่บริเวณดังกล่าว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงทำการจับกุมและนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.จรเข้น้อย  ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

“ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด”