Crime Suppression Divisionกองปราบร่วมกับสืบภาค 6 รวบผู้ต้องหา คดีร่วมกันฆ่าผู้อื่นฯ หนีคดีนานกว่า 10 ปี

Crime Suppression Divisionกองปราบร่วมกับสืบภาค 6 รวบผู้ต้องหา คดีร่วมกันฆ่าผู้อื่นฯ หนีคดีนานกว่า 10 ปี

ภายใต้การอำนวยการ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป., พล.ต.ต.ณัฐวุฒิ ภาคภูมิ ผบก.สส.ภ.6,                          พ.ต.อ.ณัฐพล ปิตะบุตร รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.สมพร  ทองรอด  รอง ผบก.สส.ภ.6, พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.ถวัลย์ หาไชย ผกก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.6, พ.ต.อ.กัมพล รัตนประทีป ผกก.สภ.เมืองพิจิตร, ว่าที่ พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.4 บก.ป., พ.ต.ท.ณัฐพงษ์ เกิดเอี่ยม, พ.ต.ท.มนูญ แก้วก่ำ, พ.ต.ท.เอกสิทธิ์ ปานสีทา, พ.ต.ท.ธีรภาส ยั่งยืน รอง ผกก.4 บก.ป., พ.ต.ท.วรเชษฐ์ พลขันธ์ รอง ผกก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.6 

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำโดย  พ.ต.ท.ภัทรพันธ์  พูลทวี สว.กก.๔ บก.ป., ร.ต.อ.ชาคริส จำนงค์วัย                     รอง สว.กก.สืบสวน 1 บก.สส.ภ.6, ร.ต.อ.พนัสกร เหล่าหา รอง สว.สืบสวน ๓ บก.สส.ภ.6, ร.ต.อ.สุเทพ สมใจเตียบ รอง สว.กก.4 บก.ป.,  ร.ต.อ.พัฒน์ คล้ายวัฒนะ รอง สว.(สอบสวน) กก.4 บก.ป.

ร่วมกันจับกุม นายคงหรือพง (สงวนนามสกุล) อายุ 49 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพิจิตรที่  12/2553  ลงวันที่ 15 ม.ค. 2553  ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา”

เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2552 เวลาประมาณ 03.00 – 04.00 น. นายคงหรือพงฯ ผู้ต้องหากับพวกรวม 4 คน ได้ไปนำตัวนายคมฯ (ผู้ตาย) จาก จ.พิษณุโลก มายังบริเวณทุ่งนา หมู่ 9 ต.ท่าหลวง อ.เมือง จ.พิจิตร เนื่องจากมีปัญหาขัดแย้งกันเรื่องยาเสพติด หลังจากนั้นจึงได้ใช้อาวุธมีดแทงและทำร้ายร่างกายนายคมฯ จนถึงแก่ความตาย ก่อนจะแยกย้ายหลบหนี จนกระทั่งมีพลเมืองดีมาพบศพนายคมฯ จึงได้แจ้งเหตุให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพิจิตร ทราบ ซึ่งต่อมาทางพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาต่อศาล

จนกระทั่งวันที่ 25 พ.ย.63 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ป. ได้ร่วมกับชุดสืบสวน บก.สส.ภ.6                   ลงพื้นที่ทำการสืบสวน จนทราบว่านายคงหรือพงฯ ได้มาพักอาศัยอยู่บริเวณสถานปฏิบัติธรรม ซอย 9                       ถ.บางแสนสาย 2 ต.แสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี จึงได้ลงพื้นที่และทำการจับกุมผู้ต้องหา นำตัวส่งพนักงานสอบสวน                             สภ.เมืองพิจิตร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป  

จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา   

“ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด”