กองบังคับการปราบปราม ภายใต้การอำนวยการ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป., พ.ต.อ.สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.พุฒิเดช บุญกระพือ รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.๒ บก.ป., พ.ต.ท.สมบัติ มีมงคล, พ.ต.ทวิศิษฐ์ พลบม่วง, พ.ต.ท.วิญญู แจ่มใส, พ.ต.ท.นฤทธิ์ ผูกจิตร รอง ผกก.๒ บก.ป.
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม กองกำกับการ ๒ กองบังคับการปราบปราม นำโดย พ.ต.ท.เอกพล ปัญจมานนท์ สว.กก.๒ บก.ป. พร้อมกำลังข้าราชการตำรวจ ชุดปฏิบัติการ ๑ กองกำกับการ ๒ กองบังคับการปราบปราม
ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายสุริยา (สงวนนามสกุล) อายุ ๔๓ ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ที่ ๔๘๙/๒๕๖๑ ลงวันที่ วันที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๖๑ โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขัง,ร่วมกันข่มขืนใจฯ, บุครุกเคหะสถานในเวลากลางคืนและกระทำการเป็นเจ้าพนักงานโดยตนเองมิได้เป็นเจ้าพนักงาน”
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ ๒๗ ม.ค. ๒๕๖๑ เวลาประมาณ ๑๙.๐๐ น. นายสุริยาฯ (ผู้ต้องหา) ซึ่งเป็นอาสาสมัครตำรวจในหมู่บ้าน ได้ร่วมกับพวกรวม ๒ นาย ได้ข่มขู่ กรรโชกทรัพย์ ๒ สามีภรรยาเจ้าของร้านอาหารข้าวแกง ภายในชอยรามคำแหง ๒ โดยทำทีเข้าตรวจค้นภายในร้านว่าพบน้ำกระท่อม ก่อนนำตัวเหยื่อ ๒ สามีภรรยา นั่งรถไปด้วยกัน พูดจา ข่มขู่ เพื่อรีดเงิน อ้างตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้ผู้เสียหายยอมจ่ายเงิน ๕๐,๐๐๐ บาท แลกกับการปล่อยตัว โดยเมื่อผู้ต้องหาก่อเหตุในลักษณะดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ได้นำตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดี เมื่อต้นเดือน ก.พ. ๒๕๖๑ แต่หลังจากถูกดำเนินคดีแล้ว นายสุริยาฯ (ผู้ต้องหา) ได้หลบหนีการประกันตัว แอบออกมาประกอบอาชีพเป็นพนักงานรับรถ ตามร้านอาหารต่างๆ ย่านพัทยาเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานต่อศาลอาญาและขออนุติตามหมายจับ หมายจับผู้ต้องหาเพื่อมาดำเนินคดี
จนกระทั่งวันที่ ๒๕ มิ.ย.๒๕’๖๓ ชุดสืบสวน กก.๒ บก.ป. สืบทราบว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่กับญาติที่ ตำบลบ้านไร่ อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี จึ่งได้เข้าทำการจับกุมตัว นำส่งศาลอาญา เพื่อดำเนินการต่อไป
เบื้องต้นในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ว่าตนได้หลบหนีคดีเมื่อปี พ.ศ.๒๕๖๑ โดยตนไม่ไปศาลตามกำหนดนัด
“ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด”