พฤติการณ์กล่าวคือ เมื่อช่วงเดือนมีนาคม 2563 ที่ผ่านมาเป็นช่วงสถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด -19 ระบาดอย่างหนักทั่วโลก จึงทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบอย่างหนัก และสินค้าบางประเภทเป็นที่ต้องการของตลาด รวมถึงสินค้าบางประเภท เช่น หน้ากากอนามัย เจลล้างมือ ฯลฯ กลายเป็นสินค้าที่ถูกควบคุมตามมาตราการของรัฐบาล เกิดการกักตุนสินค้า โก่งราคาสินค้า และกลโกงมากมายทางการตลาด สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงได้มีนโยบายเร่งดำเนินการสืบสวนจับกุมกลุ่มผู้กระทำผิดที่มีพฤติการณ์ซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน เพื่อป้องกันความเดือดร้อนที่จะเกิดขึ้นตามมาภายหลัง
ต่อมาเมื่อประมาณต้นเดือนเมษายน 2563 ที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มผู้เสียหายจำนวนหลายร้อยรายรวมรายชื่อเข้ายื่นเรื่องร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปราม กรณี ถูกพ่อค้า แม่ค้าออนไลน์ที่โพสต์ประกาศขายหน้ากากอนามัยผ่านทางเฟสบุ๊ก พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการปราบปราม จึงได้สั่งการให้ ว่าที่ พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม จัดทีมสืบสวน กองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม สืบสวนหาพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความผิด และจับกุมตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี
จนกระทั่งสืบทราบว่า นางสาวสุชัญญา ผู้ต้องหา มีพฤติการณ์ในการกระทำผิดในลักษณะหลอกลวงขายหน้ากากอนามัยผ่านทางเฟสบุ๊ก โดยผู้ต้องหารายนี้ได้ทำการสมัครเปิดบัญชีเฟสบุ๊กเป็นของตัวเอง จากนั้นจึงได้สมัครเป็นสมาชิกของ “เพจหน้ากากอนามัย” ซึ่งเป็นเพจที่มีการซื้อขายหน้ากากอนามัยเป็นจำนวนมาก จากนั้น นางสาวสุชัญญาได้นำรูปภาพสินค้าหน้ากากอนามัยจำนวนมากมาโพสประกาศขายในเพจดังกล่าว โดยเน้นโฆษณาประกาศขายในราคาที่ถูกกว่าผู้ค้ารายอื่น ๆ ในเพจเดียวกัน จึงทำให้มีลูกค้าสนใจเป็นจำนวนมาก เมื่อลูกค้าคนไหนสนใจสั่งซื้อหน้ากากอนามัยก็จะทำการติดต่อผ่านทางแอพพลิเคชั่น แมสเซนเจอร์ (Messenger) เพื่อพูดคุยรายละเอียดการซื้อขาย
พฤติการณ์ของนางสาวสุชัญญา จะให้สัญญากับลูกค้าว่า ถ้าโอนเงินค่าหน้ากากอนามัยให้ครบตามจำนวนที่ตกลงกันแล้ว ก็จะดำเนินการส่งหน้ากากอนามัยให้ทันที พร้อมกับส่งหมายเลขการจัดส่งให้ด้วย ต่อมาเมื่อลูกค้าที่สนใจได้ดำเนินการโอนเงินค่าหน้ากากอนามัยให้กับนางสาวสุชัญญาแล้ว ปรากฏว่า นางสาวสุชัญญาไม่ยอมส่งหน้ากากอนามัยให้ตามที่ตกลง และทำการผัดผ่อนเรื่อยมา จนกระทั่งได้ปิดบล็อกช่องทางการติดต่อทำให้ลูกค้าซึ่งเป็นผู้เสียหายไม่สามารถติดต่อขอเงินคืนได้ จึงทำให้มีผู้เสียหายได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก จากการตรวจสอบบัญชีพบว่าในช่วงเดือนมีนาคม มีการโอนเงินเข้าบัญชีนางสาวสุชัญญากว่า 500,000-600,000 บาท ซึ่งคาดว่าเป็นค่าหน้ากากอนามัยที่ลูกค้าได้โอนให้
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม ได้ทำการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง และได้ขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับนางสาวสุชัญญา จนกระทั่งสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหารายดังกล่าว ส่งพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามดำเนินคดีต่อไป จากการสอบถามภายหลังการจับกุม ผู้ต้องหารับว่า ได้กระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหาจริงและรับอีกว่าเงินที่ได้มาถูกนำไปใช้หมดแล้ว