“กองปราบรวบหนุ่มแค้นคู่อริ คว้าลูกซองยิง ก่อนหลบหนีคดีนาน 20 ปี”

“กองปราบรวบหนุ่มแค้นคู่อริ คว้าลูกซองยิง ก่อนหลบหนีคดีนาน 20 ปี”

กองบังคับการปราบปราม ภายใต้การอำนวยการสั่งการของ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป., พ.ต.อ.สรร มั่นเมืองรยา รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.5 บก.ป., พ.ต.ท.สุพจน์ พุ่มแหยม, พ.ต.ท.อนุชา ศรีสำโรง, พ.ต.ท.ธนวัฒน์ หิ้นยกฮิ่น, พ.ต.ท.ภูวนนท์ สมัครไทย, รอง ผกก.5 บก.ป.  

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.ศิลป์ชัย ถวัลย์ภิยโย สว.กก.5 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป

          ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายอภิชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดทุ่งสง ที่ 64/2547 ลงวันที่ 28 ม.ค.47 ในความผิดฐาน “ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น โดยไตร่ตรองไว้ก่อน”

 

          สืบเนื่องจาก เมื่อประมาณ ปี พ.ศ.2543 ผู้ต้องหาอยู่กินกับนางแดงฯ (นามสมมติ) ที่ อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ต่อมา นายปรีชาฯ ผู้เสียหาย พร้อมพวก ได้ฉุดคร่านางแดงฯ ไปจากบ้านพักของผู้ต้องหา แต่ผู้ต้องหาได้ตามไปช่วยเหลือกลับมาได้ ซึ่งกลุ่มของผู้เสียหายก็ยังตามวนเวียนข่มขู่ผู้ต้องหาอยู่ตลอด ต่อมาวันที่ 24 ก.ค.43 ขณะที่ นายปรีชาฯ ผู้เสียหายอยู่บริเวณสวนป่า อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ผู้ต้องหาพร้อมกับพวกรวม 2 คน ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์และใช้อาวุธปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ ยิงผู้เสียหาย ได้รับบาดเจ็บและหลบหนีไป โดยผู้ต้องหาหลบหนีมากบดานอยู่ในพื้นที่กรุงเทพ เกือบ 20 ปี ซึ่งคดีจะหมดอายุความในวันที่ 24 ก.ค.63

 

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. ได้สืบสวนจนทราบว่าผู้ต้องหามาพักอาศัยทำงานและมีครอบครัวอยู่ที่บริเวณ เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่จึงได้ไปตรวจสอบ พบผู้ต้องหา จึงได้แสดงตัวและแสดงหมายจับให้ผู้ต้องหาอ่านดูจนเป็นที่พอใจแล้ว จึงได้จับกุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยรับว่าตามวันเวลาที่เกิดเหตุได้ร่วมกับเพื่อนซึ่งถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ ใช้อาวุธปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ยิงผู้เสียหายจริง มูลเหตุเนื่องจากถูกผู้เสียหายข่มเหง และมีเรื่องบาดหมางกันเป็นเวลานาน ประกอบกับผู้เสียหายได้เคยฉุดคร่าภรรยาของผู้ต้องหาไป ผู้ต้องหาจึงเกิดความโกรธแค้น จึงก่อเหตุดังกล่าว

 

ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์

ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด