กองบังคับการปราบปราม ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายสุรสิทธิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ ๔๕ ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครราชสีมาที่ ๒๑๖/๒๕๕๐ ลงวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๐ ข้อหา “พรากผู้เยาว์อายุกว่า ๑๕ ปี แต่ไม่เกิน ๑๘ ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง โดยผู้เยาว์นั้นไม่เต็มใจไปด้วย เพื่อการอนาจาร”
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ทำการสืบสวนติดตามจับกุม นายสุรสิทธิฯ ซึ่งเป็นผู้ต้องหามีหมายจับในข้อหาพรากผู้เยาว์ฯ ของศาลจังหวัดนครราชสีมา หลังหลบหนีคดีมาเป็นเวลายาวนานถึง ๑๓ ปี เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ทำการสืบสวนจนทราบว่าปัจจุบันนายสุรสิทธิ์ ฯ ได้หลบหนีมาทำงานอยู่บริเวณสถานที่จับกุม จึงได้ออกหาข่าวและวางกำลังเฝ้าสังเกตการณ์
ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๐ มี.ค.๖๓ เวลาประมาณ ๑๓.๐๐ น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้เฝ้าสังเกตการณ์อยู่ภายในพื้นที่นั้น ได้พบนายสุรสิทธิ์ฯ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้รีบเข้าแสดงตัว แสดงหมายจับ แจ้งสิทธิ และทำการจับกุมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบถาม นายสุรสิทธิ์ฯ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และให้การเพิ่มเติมว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นเกิดขึ้นมาเมื่อสิบกว่าปีก่อนที่ อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา ตนได้รักใคร่ชอบพอกับนางสาวเอ (นามสมมุติ) ซึ่งผู้ใหญ่ของทางฝ่ายหญิงไม่เห็นดีเห็นงามด้วย เพราะนางสาวเอ อายุยังน้อย จึงให้เลิกคบกัน และบอกอีกว่าถ้าตนไม่เชื่อฟัง ดื้อดึงที่จะคบหากันก็จะไปแจ้งความข้อหาพรากผู้เยาว์ฯ ถึงกระนั้นตนก็ยังไม่ฟังและได้พานางสาวเอ มาอยู่กินด้วยกัน พอทราบข่าวว่าทางผู้ใหญ่ของนางสาวเอ แจ้งความจริงๆ ตนก็เลยได้หลบหนีไปและใช้ชีวิตเรื่อยมาเป็นเวลากว่าสิบปี ซึ่งตนคิดว่าคงไม่มีใครตามได้แล้วและคดีก็จะหมดอายุความในปีหน้า
ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์
ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด