กองปราบรวบหนุ่มหื่น หลอกหญิงออทิสติกขณะนั่งรอรถไฟ ไปข่มขืน

กองปราบรวบหนุ่มหื่น หลอกหญิงออทิสติกขณะนั่งรอรถไฟ ไปข่มขืน

เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ได้ร่วมกันสืบสวนจับกุมผู้ต้องหา นายวสันต์ (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาตามหมายจับของ ศาลจังหวัดนครสวรรค์ ที่ จ.283/2562 ลงวันที่ 10 ต.ค.2562 เลขคดีอาญาที่ 186/2562 ซึ่งต้องหาว่า “ ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้และเป็นการกระทำแก่บุคคลซึ่งไม่สามารถปกป้องตนเองอันเนื่องมาจากเป็นผู้มีจิตบกพร่องหรือผู้ซึ่งอยู่ในภาวะไม่สามารถรู้ผิดชอบ”

 

สืบเนื่องจากเมื่อประมาณ เดือนกันยายน 2562 น.ส.เอ (นามสมมุติ) ผู้เสียหายซึ่งเป็นออทิสติก ได้เดินทางไปท่องเที่ยวใน อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ แต่ปรากฏว่า น.ส.เอ ท่องเที่ยวจนเงินหมด ไม่สามารถเดินทางกลับบ้านได้ จากนั้นจึงมานั่งที่สถานีรถไฟเพื่อหาทางที่จะเดินทางกลับบ้าน แต่ระหว่างนั่งรออยู่ที่สถานีรถไฟ ผู้ต้องหาได้ขับรถจักรยานยนต์ผ่านมา แล้วเข้ามาพูดคุยกับผู้เสียหาย โดยออกอุบายว่าจะพาไปส่งบ้าน น.ส.เอ จึงหลงเชื่อและยอมขึ้นรถไปด้วย แต่เมื่อขึ้นรถแล้ว ผู้ต้องหากลับไม่ได้พาไปส่ง แต่ได้พาเข้าบ้านพักของตนเองและทำการล่วงละเมิดทางเพศ น.ส.เอ จนสำเร็จความใคร่ จากนั้นได้พา น.ส.เอ มาส่งไว้ที่สถานีรถไฟโดยให้เงินจำนวน 100 บาท เพื่อนั่งรถไฟกลับบ้าน

 

หลังก่อเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชุมแสง ได้สืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาที่ก่อเหตุในครั้งนี้

 

ต่อมาเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.62 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีเข้ามาทำงานในพื้นที่ จ.นนทบุรี และกรุงเทพมหานคร จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราบสืบทราบว่าผู้ต้องหาได้พักอาศัยอยู่ห้องเช่าแห่งหนึ่งใน ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จึ่งได้เข้าทำการจับกุม แจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิ์ให้ทราบ เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าว

 

จากการตรวจสอบประวัติเบื้องต้น ผู้ต้องหามีประวัติอาญากรรมหลายคดี เคยตกเป็นผู้ต้องหาในความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่น จำนวน 2 คดีและเป็นผู้ต้องหาในความผิดฐานเสพยาเสพติดให้โทษประเภท1(ยาบ้า) จำนวน 1 คดี

 

ทั้งนี้ จากกรณีดังกล่าวกองบังคับการปราบปราม ของเตือนประชาชนให้หมั่นควรสอดส่องดูแลบุตรหลานที่อยู่ในความดูแลตนเองให้ดีเพื่อป้องกันการถูกล่อลวงไม่กระทำล่วงละเมิดทางเพศได้

 

อนึ่ง ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด และการเผยแพร่ในครั้งนี้ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ และเพื่อไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรม