รวบเครือข่ายเเชร์ลูกโซ่ จ.พะเยา ความเสียหายกว่า 17 ล้านบาท

รวบเครือข่ายเเชร์ลูกโซ่ จ.พะเยา ความเสียหายกว่า 17 ล้านบาท

รวบเครือข่ายแชร์ลูกโซ่ จ.พะเยา มูลค่าความเสียหายรวม 17 ล้าน

กองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป, พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.๑ บก.ป., พ.ต.ท.สาธิต สมานภาพ, พ.ต.ท.อัครพล มณีวรรณ, พ.ต.ท ศราวุธ จันต๊ะวงค์, พ.ต.ท.อลงกต คชแก้ว, พ.ต.ท.ก่อเกียรติ วุฒิจำนงค์ รอง ผกก ๑ บก.ป.

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.พชรเดช บุญฤทธิ์ สว.กก.๑ บก.ป., ร.ต.อ.อิทธิพล อ่ำมาก, ร.ต.อ.ธนบดี ดวงจิตต์ รอง สว.กก.๑ บก.ป., ร.ต.อ.จรูญ สุขเจริญ, ว่าที่ ร.ต.ท.วิรัตน์ โชตินิธิธำรง รอง สว(ป).กก.๑ บก.ป พร้อทเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.๑ บก.ป.

ร่วมกันจับกุม น.ส.อังษณา (สงวนนามสกุล) อายุ ๕๖ ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพะเยา ที่ ๓๘/๒๕๖๑ ลงวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๖๑ ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง”

สถานที่จับกุม บริเวณลานจอดรถใกล้กับสถานีกลางบางซื่อ แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ

พฤติการณ์ ก่อนเกิดเหตุเมื่อประมาณปี ๒๕๕๘ ผู้ต้องหากับพวกได้ร่วมกันออกอุบาย ชักชวนเหยื่อให้ร่วมลงทุนทำธุรกิจลักษณะคล้ายแชร์ลูกโซ่ โดยจูงใจด้วยการให้ผลตอบแทนสูงตามจำนวนเงินที่นำมาลงทุน ซึ่งระยะแรกผู้ต้องหาจ่ายผลตอบเเทนตามที่กำหนด ผู้เสียหายจึงได้มีการชักชวนผู้อื่นให้มาร่วมลงทุนเพิ่มขึ้นอีก แต่หลังจากนั้นผู้เสียหายกลับไม่ได้รับเงินผลตอบแทนและไม่สามารถติดต่อผู้ต้องหาได้อีก ผู้เสียหายจึงได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เชียงคำ จ.พะเยา ให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาและบุคคลที่เกี่ยวข้องตามกฎหมาย

โดยจากการตรวจสอบพบว่ามีผู้ตกเป็นเหยื่อได้รับความเสียหายคิดเป็นเงินมูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ ๑๗ ล้านบาท

ซึ่งต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมายได้แล้ว แต่ในระหว่างดำเนินคดี ผู้ต้องหาได้ขอใช้สิทธิ์ประกันตัวเพื่อต่อสู้คดี แต่เมื่อถึงวันนัดรายงานตัวผู้ต้องหากลับหลบหนีไม่มาตามนัด ศาลจังหวัดพะเยาจึงได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาตามหมายจับข้างต้น

โดยในวันที่ 31 ตุลาคม 2564 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า ผู้ต้องหาจะเดินทางมาบริเวณ แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงลงพื้นที่ตรวจสอบ และพบผู้ต้องหาอยู่บริเวณลานจอดรถใกล้กับสถานีกลางบางซื่อ แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการจับกุมและนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เชียงคำ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การว่า สาเหตุที่หลบหนีไป เนื่องจากตนไม่มีเงินในการสู้คดี และตามที่ตนได้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดนั้น ตนทำหน้าที่เพียงรับโอนเงินและได้รับผลตอบแทนเพียงบางส่วนเท่านั้น
ตำรวจสอบสวนกลาง โดยกองบังคับการปราบปราม ขอฝากเตือนภัยพี่น้องประชาชนที่ประสงค์ลงทุนในธุรกิจที่โฆษณาว่าจะให้ผลตอบแทนสูงเกินจริง ในระยะเวลาอันสั้นดังกล่าว ซึ่งมักจะอ้างว่าระดมทุนในธุรกิจที่กำลังได้รับความนิยม เช่น ทอง น้ำมัน เหรียญสกุลเงินดิจิตัล หรืออาศัยความเชื่อถือจากบุคคลผู้มีชื่อเสียง

ขอให้พี่น้องประชาชนตรวจสอบให้แน่ใจว่าธุรกิจมีอยู่จริงหรือไม่ ท่านควรพิจารณาถึงความเป็นไปได้ทางธุรกิจที่ร่วมลงทุนและลงทุนกับการระดมทุนที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้การรับรอง เพื่อประโยชน์แก่ทรัพย์สินของตัวของท่านเอง