กองบังคับการปราบปราม ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป., พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพรอง ผบก.ป., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.2 บก.ป., พ.ต.ท.สิงห์ชัย ฐานไชยสิทธิ์ รอง ผกก.3 บก.ป. ปฏิบัติราชการ กก.2 บก.ป., พ.ต.ท.วิญญู แจ่มใส, พ.ต.ท.กรกช ยงยืน, รอง ผกก.2 บก.ป., พ.ต.ท.นฤทธิ์ ผูกจิตร , พ.ต.ท.นพรัตน์ คำมาก รอง ผกก.2 บก.ปทส. ปฏิบัติราชการ กก.2 บก.ป. และ พ.ต.ท.เนติวิทย์ ธนาสิทธิ์นิติกุลรอง ผกก.2 บก.ป.
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.กษิดิ์เดช เจริญลาภ สว.กก.2 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดปฏิบัติการที่ 4 กก.2 บก.ป. และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.ชัยนาท
ร่วมกันจับกุม นางสาวนันทิชา (สงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1745/2560 ลง 2 ส.ค.2560 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน”
พฤติการณ์ สืบเนื่องมาจากเมื่อประมาณปี 2560 กลุ่มผู้เสียหายได้รู้จักกับ น.ส.นันทิชาฯ (ผู้ต้องหา) ผ่านทางเฟซบุ๊ก และต่อมา น.ส.นันทิชาฯ ได้ชักชวนให้กลุ่มผู้เสียหายเข้ากลุ่มไลน์ ชื่อว่า “ออมเงิน ออมทองบ้านทิชา” โดยชักชวนให้เล่นแชร์ กินดอกเบี้ย โดย น.ส.นันทิชาฯ ได้ชักชวนให้ผู้เสียหายมาร่วมเล่นเเชร์จำนวนกว่า 400 คนนอกจากนี้ น.ส.นันทิชาฯ ยังได้สร้างสมาชิกวงแชร์ (มือผี) ต่อจากตนเองอีกหลายมือ เพื่อรับผลประโยชน์ต่อจากเท้าแชร์ โดยมือแรกจะเป็นเท้าแชร์ และมือต่อๆ มาจะเป็นมือที่ น.ส.นันทิชาฯ กำหนดขึ้นมาเอง (มือผี) ไม่มีตัวตน ซึ่งเมื่อถึงกำหนดที่ น.ส.นันทิชาฯ จะต้องจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ยตามที่ได้เล่นแชร์ไว้ น.ส.นันทิชาฯ กลับปิดวงแชร์หลบหนีทันที กลุ่มผู้เสียหายจึงได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ น.ส.นันทิชาฯ ตามกฎหมาย (มูลค่าความเสียหายจำนวนกว่า 12 ล้านบาท)
จากการตรวจสอบพบว่า น.ส.นันทิชาฯ มีประวัติถูกดำเนินคดีฉ้อโกง ดังนี้
เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.2560 พื้นที่ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ในข้อหาว่ากระทำผิดฐาน “ฉ้อโกง”
เมื่อวันที่ 1 ก.ค.2560 พื้นที่ สภ.หันคา จ.ชัยนาท ในข้อหาว่ากระทำผิดฐาน “ฉ้อโกง”
จนกระทั่งวันที่ 2 ก.ย.2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ป. และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.ชัยนาท สืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาจะเข้ามาทำธุระที่ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ชัยนาท จึงได้วางแผนการจับกุม โดยสามารถจับกุมน.ส.นันทิชาฯ ได้ที่ริมถนน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ชัยนาท หลังจากนั้นจึงได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ว่าไม่ได้โกงเงินกลุ่มผู้เสียหาย แต่รับว่าเป็นเท้าแชร์ “ออมเงิน ออมทอง บ้านทิชา” จริง ซึ่งเปิดบ้านออมเงินฯ เมื่อประมาณต้นปี 2560 โดยอ้างว่าตนเองได้จ่ายเงินต้นกับดอกเบี้ยให้ทางลูกแชร์เรื่อยมา แต่ภายหลังจากที่ลูกแชร์ได้รับเงินต้นและดอกเบี้ยไปแล้ว กลับไม่ยอมส่งเงินให้กับตนจึงทำให้เกิดปัญหาด้านการเงิน ทำให้ไม่มีเงินจ่ายให้กับลูกแชร์รายอื่นๆ ประกอบกับในช่วงหลังตนเกิดปัญหาการเงิน มีผู้เสียหายมาทวงเงินจำนวนมาก ตนเองจึงไม่มีเงินชดใช้ จึงได้หลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ ตั้งแต่กลางปี พ.ศ.2560 นานประมาณ 4 ปี ก่อนจะเดินทางกลับประเทศไทย